เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีความโลภ และ ความเห็นแก่ตัว อยู่ในจิตใจกันทั้งนั้นเพียงแต่ว่าจะมีใครแสดงออกมาให้เราเห็นผ่านสายตาของเรากันมากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง และแน่นอนว่าภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องเองก็มีการหยิบเอาประเด็นของความโลภในจิตใจ และในวันนี้เราจะขอมาพูดถึงกับอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เล่นกับจิตใต้สำนึกในความโลภอย่างเรื่อง GOLD ทองกู
โดยภาพยนตร์เรื่อง Gold หรือชื่อไทยว่า ทองกู จะเล่าถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่กำลังเดินทางไปหางานใหม่ เขาก็หาคนพาไปยังแคมป์แห่งหนึ่ง แต่ในระหว่างทางทั้งคู่ก็ได้พบทองคำก้อนใหญ่ แต่ทำยังไงก็เอาขึ้นมาไม่ได้ ใครสักคนจึงต้องรับหน้าที่ไปเอาเครื่องมาขุดทอง และอีกคนก็ต้องรับหน้าที่เฝ้าทองนั้นไว้ เลยทำให้ชายผู้หางานรับหน้าที่เฝ้าทองหลายวันหลายคืนท่ามกลางทะเลทรายอันหฤโหด
และเมื่อหลาย ๆ คนอ่านพล็อตเรื่องก็คงพอจะเดาได้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแนวเอาตัวรอดท่ามกลางสภาะวอันแสนโหดร้าย ซึ่งแน่นอนแหละว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนดูสนุกไปกับหนังแบบนี้นั่นก็คือ การเอาใจช่วยว่าพระเอกของเรื่องจะผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายแต่ละครั้งไปอย่างไร แต่เรื่องนี้มันกลับกลายเป็นว่าทุกอย่างนั้นสามารถคาดเดาได้ง่ายจนเกินไป แถมบางส่วนก็ยืดเกินจำเป็น นอกจากนั้นในบางจังหวะที่เนื้อเรื่องควรจะเดินต่อไปกลับไปไม่ไปต่อ แต่ยังคงวนเวียนอยู่กับเป็นเดิม ๆ ไม่ยอมไปไหน
และถึงแม้ว่าตัวหนังจะพยายามสร้างให้เราเห็นถึงความยากลำบากในการที่ต้องอยู่กลางทะเลทรายตัวของเดียว แต่ถึงแบบนั้นตัวหนังก็ยังคงไม่สามารถที่จะสร้างอิมแพคให้เรารู้สึกอินไปกับการเอาใจช่วยตัวพระเอกได้เลย เพราะสถานการณ์ต่าง ๆ มันยังทำออกมาให้เรารู้สึกไม่ระทึกพอ
แต่ถึงเรื่องจะน่าเบื่อขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่เราต้องให้เครดิตไปแบบเต็ม ๆ เลยนั่นก็คือการแสดงของ Zac Efron ที่ต้องบอกว่ามันค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก ๆ เนื่องจากเราแทบจะนึกภาพของเขาแสดงบทดราม่าแบบต้องเอาชีวิตรอดอะไรแบบนี้ไม่ออกเลย
ซึ่งเรื่องนี้ตัวของ Zac Efron ถือได้ว่าแสดงออกมาได้ดีจนทำให้เราหลาย ๆ คนลืมภาพหล่อ ๆ เนี๊ยบ ๆ ปนฮาจากหนังเรื่องก่อน ๆ ได้พอสมควร จนกลายเป็นเดอะแบกของหนังทั้งเรื่องไว้จริง ๆ
โดยรวมแล้วหนังอย่าง Gold – ทองกู เป็นงานโชว์การแสดงของ Zac Efron อย่างแท้จริง ตัวบทเอาชีวิตรอดท่ามกลางทะเลทรายไม่ได้หวือหวาหรือตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ภาพรวมไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร