Lightyear หน้าที่กับกาลเวลา พิกซาร์โหมดแอ็คชั่นที่เราคิดถึง


946
946 points

หากเราพูดถึงตัวการ์ตูนจากภาพยนตร์แล้วละก็ เราเชื่อว่าค่ายที่สามารถผลิตภาพยนตร์อนิเมชั่นออกมาได้โดนใจคนแทบทั้งโลก และ ยังมีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมและโดนใจรวมถึงให้ข้อคิดต่าง ๆ เอาไว้ในเรื่องอยู่เสมอนั้จน เราคงต้องยกให้กับค่ายภาพยนตร์อย่าง Pixar และหนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้กับค่ายนี้มันก็คือภาพยนตร์เรื่อง Toy Story นั่นเอง และ แน่นอนว่าถ้าหากเราจะมาพูดถึงเจ้าการ์ตูนเรื่องนี้ ตัวละครหลักที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ บัซ ไลทเยียร์ ซึ่งเพราะความฮิตของตัวการ์ตูนนี้นี่เองที่ทำให้ทาง Pixar ได้ตัดสินใจต่อยอดความสำเร็จของตัวการ์ตูนตัวนี้ด้วยการสร้างภาพยนตร์เป็นภาคแยกที่เล่าถึงเรื่องราวตัวละครตัวนี้ขึ้นมา

โดยเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Lightyear นั้นจะเล่าถึง บัซ ไลท์เยียร์ สเปซเรนเจอร์มากฝีมือ ที่ได้รับภารกิจทดสอบความสามารถในการพาลูกเรือเดินทางข้ามอวกาศเพื่อหลบหนีจากดาวเคราะห์สุดอันตราย แต่แล้วเมื่อการคำนวณที่ผิดพลาดทำให้ยานอวกาศเกิดความเสียหายและไม่อาจจะเดินทางกลับไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้ เหล่าลูกเรือทั้งหมดจึงจำเป็นต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่ดาวเอเลี่ยนที่มีเถาวัลย์มฤตยูซึ่งจ้องจะเขมือบสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร

บัซ เอาแต่โทษตัวเองที่กลายเป็นต้นเหตุ ทำให้คนอื่นๆพลอยตกระกำลำบากติดอยู่ที่ดาวแห่งนี้ ทำให้อาลิชา ฮาวธอร์น

ผู้บัญชาการของบัซ และยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาด้วย พยายามปลอบประโลมและให้กำลังใจว่าทุกคนล้วนผิดพลาดกันได้ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราจำเป็นต้องค่อยๆหาหนทางแก้ไข

หลังจากจมจ่อมอยู่กับความผิดพลาดอยู่สักพัก บัซจึงพยายามกลับไปขึ้นบินอีกครั้ง เพื่อให้ยานของเขาสามารถทำความเร็วได้ตามเป้าหมายที่กำหนดเพื่อข้ามเวลาไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ แต่ความพยายามของเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า และสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเมื่อเขานำยานกลับมาลองจอดที่ดาวเคราะห์แห่งนี้ บัซกลับพบว่าเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่เขาขับยานบนห้วงอวกาศ แต่ความไม่สมดุลกันของเวลาและความเร็ว ทำให้เวลาบนพื้นดินนั้นผ่านเลยไปแล้วถึง 4 ปี!

และแน่นอนว่าเมื่อมันเป็นหนังของ Pixar แล้ว ตัวหนังก็ยังคงทำให้คนดูได้ขบคิดอยู่ได้เช่นเดิม เพราะว่าหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันจะออกมากลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่สู้กับบรรดาเหล่าเอเลี่ยนและให้ข้อคิด แต่ทว่าเหมือนว่าตัวของ Pixar เองก็จะรู้ทันคนดู และเปลี่ยนไปเล่นกับเรื่องราวของเวลาแทน ซึ่งแน่นอนว่าการเล่นกับเวลานี้เองนี่แหละ ที่มันได้พาให้อารมณ์ของคนดูด่ำดิ่งลงไปกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่ตัวของ บัซ ไลทเยียร์ ต้องเผชิญ

และเมื่อเป็นหนังอนิเมชั่นสิ่งแรกที่หลายคน ๆ จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ งานด้านภาพ ซึ่งเราบอกเลยว่าหมดห่วงไปได้วเลย เพราะว่าสีสัน และ การขยับ เคลื่อนไหว นับได้ว่าทำออกมาไหลลื่นและค่อนข้างสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าข้อเสียของหนังเรื่องนี้มันมีไหม เราก็ตอบอย่างมั่นใจเลยว่ามี เพราะว่าด้วยการดำเนินเรื่องในแบบแนวทางสูตรสำเร็จของ Pixar นี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกเดาทางได้ง่าย จนทำให้ฉากที่มันจะต้องอิมแพ็คเข้าไปกระแทกหัวใจมันกลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

แต่ถึงอย่างไรก็ตามแล้วหนังอย่าง Lightyear เองก็ไม่ใช่อะไรเลวร้าย แต่มันก็ไม่ใช่หนังที่วิเศษจนทำให้เราต้องรีบควักเงินเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ขนาดนั้น ซึ่งถ้าใครมีเวลาว่างแล้วไม่รู้จะทำอะไรแล้ว เราก็ขอแนะนำให้คุณลองเข้าไปดูหนังเรื่องนี้กัน


Like it? Share with your friends!

946
946 points

Comments

comments